รู้จักพวกเรา..ชาวนักเรียนม่อนแสงดาว

สวัสดีค่ะ 
กำลังจะส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันแล้วนะคะ  เริ่มต้นปฐมฤกษ์บล็อคของพวกเราชาวม่อนแสงดาว  ขอกล่าวคำว่าสวัสดีปีก่อนเลยนะคะ  ที่นี่คือที่ที่พวกเราจะมาชุมนุมกัน สุมหัวกันเพื่อค้นหาความฝันและความหวังค่ะ หากเพื่อนๆต้องการติดต่อพวกเรา ก็สามารถเข้าไปแวะชมที่เวบไซต์ของเรา คลิกที่นี่ค่ะ
และนอกจากนี้พวกเรายังมีเฟสบุ้คเพื่อแสดงความเคลื่อนไหวของกลุ่มพวกเราที่ Monsaengdao Acedthai นะคะ เพื่อนๆสามารถแอ๊ดพวกเราเข้าไปเป็นเพื่อนได้เลยค่ะ  
ก่อนอื่นก็อยากจะขอแนะนำที่มาที่ไปของพวกเราก่อนนะคะ ว่ามีมาที่ไปประวัติกว่าจะมาเป็นโรงเรียนม่อนแสงดาวธรรมชาติวิทยาได้นั้น มีที่มาอย่างไร? ติดตามได้ด้านล่างนี้เลยค่ะ




โรงเรียน ม่อนแสงดาวธรรมชาติวิทยา (Monsaengdao Ecological School)
ศูนย์การศึกษาทางเลือกตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียงของเด็กยากไร้และด้อยโอกาสเพื่อการพึ่งตนเอง จังหวัดเชียงราย
ความเป็นมาโรงเรียนม่อนแสงดาวธรรมชาติวิทยา
จากการที่สมาคมสร้างสรรค์ชีวิตและสิ่งแวดล้อม(ACED) เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนท้องถิ่น ก่อตั้งและจดทะเบียนที่จังหวัดเชียงรายตั้งแต่ปีพศ.2530 โดยมีพัฒนาการการก่อตั้งและเติบโตมาจากคนท้องถิ่นที่เริ่มจากโครงการนิเวศน์ ชุมชนที่ตระหนักและเข้าใจถึงปัญหาว่ารากเหง้า/ปมสาเหตุหลักเป็นผลกระทบ จากนโยบายและแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่ไม่สมดุล โดยได้สะสมปัญหาทวีความรุนแรงและซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปีพ.ศ.2504 เป็น ต้นมา โดยส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชนเช่น ป่าไม้ แม่น้ำ ลำห้วย หนอง พื้นที่เกษตรกรรมและแหล่งอาหารทางธรรมชาติต่างๆของชุมชนท้องถิ่นเสื่อม โทรมลงอย่างรวดเร็ว สถานการณ์เช่นนี้ให้ก่อให้เกิดภาวะความยากจนให้กับชุมชนท้องถิ่นและชนเผ่า ต่างๆ ซึ่งภาวการณ์เช่นนี้คือต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกษตรกรและชุมชนภาคเกษตร กรรมในชนบทแตกสลายอพยพเข้าสู่ภาคเมืองมากขึ้น และส่งผลกระทบให้เด็ก บุตรหลานของกลุ่มคนยากจนเหล่านี้ไม่ได้เรียนหนังสือต่อภายหลังจากจบการศึกษาภาคบังคับ (ป.6) และถูกผลักดันชักจูงให้เข้าสู่ขบวนการค้าประเวณีหรือก่อให้เกิดปัญหาที่ เรียกว่า “ตกเขียว” และเกิดภาวะเด็กเร่ร่อน/ขอทานซึ่งเด็กกลุ่มนี้จะอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะถูก ละเมิดสิทธิในทุกๆ ด้านมากขึ้นเรื่อยๆ
สมาคมฯ จึงมีเป้าหมายที่อยากจะกอบกู้ฟื้นฟูสังคมและสิ่งแวดล้อมของชุมชนขึ้นมาใหม่ ภายใต้โครงการนิเวศน์ชุมชนโดยการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การแตร์เดซอมประเทศ เยอรมันด้วย การเสริมสร้างความเข็มแข็งให้กลุ่มคนยากจน เกษตรกร/ชาวนา/สตรี/เยาวชน/ชนเผ่าพื้นที่สูง/องค์กรชุมชน/และผู้นำท้องถิ่น ในการเข้าไปฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ แม่น้ำ ป่าชุมชนและทำการ เกษตรอินทรีย์/กสิกรรมไร้สารพิษในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และอำเภอดอกคำใต้ จ.พะเยา  ด้วยโครงการเกษตรกรรมปลอดสารพิษแบบผสมผสานและโครงการฟื้นฟูและพัฒนาป่าชุมชน
พ.ศ.2533 ผล สรุปจากการดำเนินงานโครงการฯได้พบว่าการที่จะฟื้นฟูป่าชุมชนและปรับเปลี่ยน วิถีการผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรที่ใช้สารเคมีมานานมาเป็นเกษตรปลอดสารพิษ ให้กับเกษตรกรผู้ใหญ่ฝ่ายเดียวนั้นเป็นเรื่องยากลำบากมากในขณะเดียวกันกลับ พบว่า    “เด็ก/เยาวชน” ลูก หลานของเกษตรกรเป็นผู้เข้าใจปัญหาได้เร็วและเป็นพลังสำคัญในกิจกรรมการทำแนว ป้องกันไฟป่า ปลูกป่า และฝึก ฝนทดลองการใช้สมุนไพรเพื่อป้องกันและกำจัดแมลง ด้วยเหตุนี้ สมาคมฯ ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากองค์การแตร์เดซอมประเทศเยอรมัน จึงได้ทำโครงการทุนการศึกษาเพื่อเด็กหญิงผู้ยากไร้(Eco-girl Project) โดยการสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กผู้หญิงที่จบการศึกษาภาคบังคับชั้นป.6 ให้มีโอกาสเรียนต่อจนจบในระดับชั้นมัธยมปีที่ 3 โดยคัดเลือกเด็กที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่สุดในขณะนั้นคือพื้นที่อำเภอดอก คำใต้ จ.พะเยาให้เรียนต่อที่โรงเรียนถ้ำปินวิทยาคม และพื้นที่อำเภอเวียงชัย จ.เชียงรายให้เรียนต่อที่โรงเรียนดอนศิลาผางามวิทยาคม ประมาณปีละ 100 ทุนๆ ละ 3,000 บาท/ปี
                
              โดย ในระยะที่เด็กอยู่ในกระบวนการรับทุนช่วงปิดเทอมหรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์เด็ก ทุกคนจะได้รับการส่งเสริมจากสมาคมฯ ในการเข้าร่วมกิจกรรมค่ายเด็ก/เยาวชนและฝึกอบรมผู้นำเยาวชนในรูปแบบและ เนื้อหาต่างๆ ตลอดจนถึงการเข้าร่วมกิจกรรมกับชุมชนในการฟื้นฟูปกป้องป่าชุมชนและฝึกทักษะ อาชีพเกษตรปลอดสารพิษร่วมกับพ่อแม่/ผู้ปกครองอีกด้วย ซึ่งการให้ทุนการศึกษาควบคู่กับการพัฒนากิจกรรมกระบวนการเรียนรู้นอกห้อง เรียนให้กับเด็กเช่นนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีสามารถเสริมสร้างความเข็ม แข็งให้กับเด็กป้องกันเด็กไม่ให้เข้าสู่กระบวนการค้าประเวณีได้อย่างน่าพอใจ ซึ่งต่อมาได้พบว่ามีกองทุนการศึกษาที่จัดการในลักษณะเช่นนี้มากยิ่งขึ้น...
แต่ ประสบการณ์ที่สำคัญของโครงการฯ ได้พบว่ายังมีเด็กอีกกลุ่มหนึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กชาวเขา/ชนเผ่าบนพื้นสูงที่ แม้ว่าจะได้รับทุนการศึกษาจากโครงการฯให้เรียนต่อแต่ก็ไม่สามารถที่จะเรียน ต่อได้ และมักจะไม่สามารถเข้าถึงกองทุนการศึกษาต่างๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชนด้วยข้อจำกัดของครอบครัวเช่น กำพร้าพ่อ/แม่  ไร้สัญชาติ  ผู้ปกครองมีคดีค้ายาเสพติด  ครอบ ครัวมีลูกมากเด็กต้องช่วยแม่เลี้ยงน้องอีกหลายคนในช่วงวันเก็บเกี่ยวหรืองาน ประเพณี/พิธีกรรมของชุมชน เป็นต้น และเด็กบางคนพบโรงเรียนระดับมัธยมมักจะอยู่ไกลจากชุมชนของตนเองไม่สามารถ เดินทางด้วยเท้าตามลำพังได้ และแม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายเรียนฟรี  แต่ในความเป็นจริงเด็ก/ผู้ปกครองต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากมาย เช่น เสื้อผ้าชุดกีฬา  ชุดเนตรนารี ค่าบำรุงโรงเรียน ค่ากิจกรรม เป็นต้น ดังนั้น เด็กกลุ่มนี้ภายหลังจากจบการศึกษาภาคบังคับชั้น ป.6 แล้ว ก็ตกอยู่ภาวะที่จะถูกผลักดันเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์ในรูปแบบต่างๆ เช่นโสเภณีเด็ก แรงงานเด็ก เร่ร่อน ขอทาน ยาเสพติด อาชญากรรม ฯลฯ    ด้วยเหตุนี้ สมาคมฯ จึงได้พุ่งความสนใจไปที่กลุ่มเด็กดังกล่าวและได้ก่อตั้ง “โรงเรียนเด็ก
ม่อนแสงดาว” ขึ้นเพื่อรองรับกลุ่มเด็กเหล่านี้โดยเปิดทำการจัดการศึกษาให้กับเด็กรุ่นที่ 1 ในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2541 โดยใช้หลักสูตรวิชาสามัญระดับมัธยมของกรมการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ควบคู่กับหลักสูตรการศึกษาทางเลือกม่อนแสงดาว ทั้งนี้เพราะจากประสบการณ์ในการจัดการศึกษาสำหรับเด็กกลุ่มเสี่ยงซึ่งเป็น เด็กที่ยากจนและด้อยโอกาสดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับได้ศึกษาเรียนรู้ประสบ การณ์บทเรียนและแนวคิดจากองค์กร/โรงเรียน/ศูนย์การศึกษาอื่นๆ เช่น โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก  โรงเรียนเด็กรักป่า เป็นต้น ตลอดจนถึงแนวคิดทางการศึกษาทางเลือกจากต่างประเทศจึงมั่นใจว่า การศึกษาทางเลือก คือทางออกที่ดีและเหมาะสมกับเด็กที่ยากไร้และด้อยโอกาสโดยเฉพาะกลุ่มเด็กชน เผ่า/ชาติพันธุ์เนื่องจากเป็นกระบวนการศึกษาที่เปิดโอกาสให้เด็กได้ฝึกฝน ทักษะพื้นฐานอาชีพและทักษะชีวิตเปิดโลกทัศน์พัฒนาความคิดได้พูดได้แสดง ออกในสิ่งที่ถูกต้องใกล้ชิดกับชุมชน ได้เรียนรู้การพึ่งพิงธรรมชาติและใช้ธรรมชาติอย่างเหมาะสมเพื่อพัฒนาสู่การ พึ่งตนเองอย่างแท้จริง  

สถานภาพปัจจุบัน
โรงเรียน เด็กม่อนแสงดาวมีสถานภาพเป็นศูนย์การเรียนรู้ของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน และตามอัชฌาศัยอำเภอเมือง จ.เชียงราย (กศน.) ระดับมัธยมศึกษา (ม.1-ม.6) ภายใต้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2540 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยใช้กระบวนการเรียนการสอนตามหลักสูตรสามัญของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนฯ (กศน.) นอกจากนี้โรงเรียนเด็กม่อนแสงดาวยังใช้แนวทางการจัดกระบวนการศึกษาทางเลือก แบบบูรณาการประเภทสงเคราะห์ฟรีสำหรับเด็กผู้หญิงที่ยากไร้และด้อยโอกาสอายุ 12-18 ปี ซึ่งเด็กจะมีบ้านพักอาศัย อาหาร และของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นและศึกษาอยู่ประจำในโรงเรียนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้ จ่ายใดๆ จนจบการศึกษาระยะเวลา 36 ปี
และ เนื่องจากในปัจจุบันระบบการศึกษากระแสหลักของไทยยังให้ความสำคัญกับธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมน้อยมากเช่นเดียวกับนโยบายการพัฒนาประเทศ ดังนั้นด้วยเล็งเห็นความสำคัญของเด็ก/เยาวชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของโรงเรียนม่อนแสงดาวฯ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูง และลูกหลานของชาวไร่ชาวนาเกษตรกรในชนบทที่ล้วนแล้วแต่ดำรงชีวิตและมีวิถีทาง วัฒนธรรมที่ต้องพึ่งพาธรรมชาติ ป่าไม้ ภูเขา แม่น้ำ ลำธาร ฯลฯ รวมทั้งที่ตั้งของโรงเรียนก็อยู่ในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เหมาะสม สมาคมสร้างสรรค์ชีวิตและสิ่งแวดล้อม (เอเสด) จึงได้พัฒนาหลักสูตรพร้อมทั้งจัดกระบวนการเรียนการสอนของโรงเรียนม่อนแสง ดาวฯ ให้เป็นโรงเรียนนิเวศ (Ecological School) โดยมีเป้าหมายนอกจากพัฒนาการศึกษาทางเลือกเพื่อเยียวยา/ช่วยเหลือเด็กที่ยาก ลำบากและด้อยโอกาสให้มีคุณภาพชีวิตที่เข้มแข็งทั้งร่างกาย จิตใจและพึ่งพาตนเองได้แล้ว  ยัง มุ่งเน้นพัฒนาการศึกษาด้านการฟื้นฟูอนุรักษ์ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และนิเวศวิทยา ให้แก่เด็ก/เยาวชนซึ่งเป็นเหมือนดั่งลูกหลานของธรรมชาติให้มีความตระหนัก จิตสำนึก และเจตคติ รวมถึงทักษะความรู้ที่จะเยียวยาธรรมชาติไปพร้อมกันอีกด้วย  
ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงได้มีการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนเป็น โรงเรียนม่อนแสงดาวธรรมชาติวิทยา (Monsaengdao Ecological School : MES)” โดยได้เปิดป้ายชื่อโรงเรียนอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ในโอกาสครบรอบ 13 ปีของโรงเรียนฯ ที่ผ่านมา

ปรัชญาของโรงเรียน
                การ ศึกษาคือกระบวนการพัฒนาชีวิตและความเจริญงอกงามของมนุษย์ที่มีสิทธิและ หน้าที่ในการพึ่งพาและอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างมีศักดิ์ศรีในท้องถิ่นและ ในสังคมอย่างมีความสุข และสามารถพึ่งพาตนเองได้ตลอดชีวิตบนวิถีแห่งความเป็นไทยที่เท่าทันสังคมโลก ที่สามารถผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นกับความรู้วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้อย่าง เหมาะสมโดยเคารพและสืบสานวิถีแห่งธรรมชาติ วิถีแห่งการแบ่งปัน และวิถีแห่งวัฒนธรรมพื้นบ้านของชุมชนท้องถิ่นได้อย่างมีพลังและงดงาม  

คำขวัญโรงเรียน
                ธรรมชาติเป็นครู เรียนรู้พึ่งตนเอง เก่งกล้าทำดี มีความสุข
1.      ธรรมชาติเป็นครู คือ ยุทธศาสตร์ที่มีเป้าหมายมุ่งสร้างเด็ก/พัฒนาเด็กให้มีทักษะความรู้และสำนึก ความรับผิดชอบต่อธรรมชาติดำเนินวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับวิถี ธรรมชาติ(ธรรมชาติทั้งที่เป็นกายภาพและธรรมะ/คุณธรรม) โดยดำเนินชีวิตที่ไม่ทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
2.       เรียนรู้พึ่งตนเอง คือ ยุทธศาสตร์ที่มีเป้าหมายเสริมสร้างเด็กให้มีความเชี่ยวชาญในสัมมาชีพที่มี ทักษะความสามารถในการพึ่งพาตนเองโดยนำหลักวิชาการที่ตนเองได้เรียนรู้คู่การ ปฏิบัติอย่างลึกซึ้งมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน เพื่อพัฒนาให้ตนเอง ครอบครัวและสังคมพึ่งตนเองได้
3.       เก่งกล้าทำดี คือ ยุทธศาสตร์ที่มีเป้าหมายพัฒนาเด็กให้เป็นคนที่มีความกล้าหาญในการคิด พูด ปฏิบัติ และรับผิดชอบที่จะทำความดีเพื่อตนเองและเพื่อสังคม
4.        มีความสุข  คือ ยุทธศาสตร์ที่มีเป้าหมายพัฒนาเด็กและโรงเรียนให้เป็นพื้นที่/สังคมแห่งความ สุขของมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่ร่วมกัน มีคุณธรรม เคารพธรรมชาติ เคารพตนเองและวัฒนธรรมชนเผ่า/ชาติพันธุ์ของผู้อื่น มีน้ำใจ และแบ่งปัน 
วิสัยทัศน์
                มุ่ง ให้เกิดพัฒนาการในตัวผู้เรียนอย่างแท้จริง จากผลของการเรียนรู้ตามสภาพจริง การปฏิบัติจริง โดยใช้วิถีชีวิตและโจทย์ของชุมชนท้องถิ่น ชุมชนบ้านเกิด และสภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นเป็นฐานการเรียนรู้ที่ สำคัญ  ทำให้ผู้เรียนเกิดความ ตระหนักรู้เท่าทันตนเอง เท่าทันสังคม เท่าทันโลก สามารถนำความรู้ ทักษะประสบการณ์ที่ได้รับไปใช้ในการประกอบอาชีพและการดำเนินชีวิตในชุมชน อย่างเหมาะสมมีคุณภาพ  ตลอดจน สามารถเป็นผู้นำเยาวชนในการพัฒนาท้องถิ่น และเป็นผู้นำเยาวชนอาสาสมัครฟื้นฟู ปกป้อง และอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่สามารถดำรงความคิดและวิถีชีวิตแบบนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ทั้งตนเอง ชุมชน และธรรมชาติเกิดการพึ่งพากันได้อย่างสมดุลและยั่งยืน

หลักการสำคัญ 3 ประการ ของหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนม่อนแสงดาวธรรมชาติวิทยา
                ๑. มุ่งเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็ก/เยาวชนในชุมชนบนพื้นที่สูงและชนบทห่าง ไกล ด้วยการจัดการศึกษาที่มีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตชุมชน ใช้ชุมชนเป็นฐานของการเรียนรู้และมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา เกิดการเรียนรู้ไปพร้อมกับการปฏิบัติงานในวิถีชีวิตประจำวัน  เรียน รู้แล้วสามารถนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพในชุมชนท้องถิ่นบ้าน เกิดได้ทันที พร้อมทั้งเกิดภาวะผู้นำมีความมุมานะในการพัฒนาชุมชนให้มีการพึ่งพาตนเองตาม หลักเศรษฐกิจพอเพียง
                ๒. มุ่งความเป็นนวัตกรรม สร้างองค์ความรู้ และกระบวนการเรียนรู้ใหม่ในวิถีการเรียนแบบโรงเรียนนิเวศ (Eco –School) ที่เป็นแบบนิเวศประเทศไทยและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยบูรณาการผสมผสานทั้งวิชาสามัญ วิชาชีพ วิชาท้องถิ่น/วัฒนธรรม   วิชานิเวศ/สิ่งแวดล้อม และวิชาชีวิต  ให้หลอมรวมได้สัดส่วนสมดุลย์กัน  พร้อม กับการสร้างโอกาสในการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาและระดับอาชีวะศึกษา ตลอดจนถึงการประกอบอาชีพในชุมชน/ท้องถิ่นของเองเพื่อพึ่งพาตนเอง สำหรับผู้เรียนที่มีความพร้อมในแต่ละด้าน  
                ๓. มุ่งเสริมสร้างอัตลักษณ์ชุมชนท้องถิ่นเชียงรายในนิเวศวิทยาและวัฒนธรรมลุ่ม น้ำโขง สถานที่ตั้งของโรงเรียน โดยเฉพาะในความเป็นชุมชนล้านนาที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆ ให้เกิดการฟื้นฟูภูมิปัญญาท้องถิ่นและภูมิปัญญาพื้นบ้านทั้งในทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม  การประกอบอาชีพ การจัดการทางสังคมการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ที่ประสานไปกับวิทยาการความรู้ใหม่ๆ ที่เหมาะสม  อันนำไปสู่การพัฒนาภายใต้แผนแม่บทของท้องถิ่น ชุมชนมีความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้

เค้าโครงหลักสูตรการศึกษาทางเลือกม่อนแสงดาว
การศึกษาทางเลือกม่อนแสงดาว  หมายถึง   การศึกษาตลอดชีวิตเพื่อความเป็นไท
เรียนรู้การพึ่งตนเอง และธรรมชาติ  ศึกษาความเป็นมนุษย์ ทั้งกาย ใจ จิตวิญญาณ และมุ่งมั่นปลดปล่อยตนเองออกจากพันธนาการที่ครอบงำของทุนนิยมโลกาภิวัฒน์อย่างจริงจัง
กระบวนการศึกษาจะใช้การศึกษาแบบบูรณาการผสมผสานจากทุกแขนงวิชาโดยเริ่มจาก
การ ศึกษาภายในออกสู้ภายนอก (การศึกษากระแสหลักในโลกปัจจุบันเป็นการศึกษาจากนอกเข้าสู่ภายใน)ศึกษาจาก ความเป็นมนุษย์ การดำรงชีวิตสู่สังคม ศึกษาจากครอบครัวออกสู่ชุมชน ศึกษาจากชุมชนออกสู่ตำบล/อำเภอ/จังหวัด/ภาค/ประเทศ ศึกษาจากประเทศออกสู่ภูมิภาค โลก และจักรวาล โดยใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือ/กุญแจที่จะค่อยๆเปิดโลกการเรียนรู้ของเด็กด้วย ความสุข สนุกสาน มีสุนทรียทางการเรียนรู้อย่างรื่นรมย์   
                  อย่างไรก็ตามกระบวนการเรียนการสอนตามหลักสูตรทางเลือกม่อนแสงดาวดังกล่าวยังอยู่
ใน กระบวนการของการพัฒนา สรุปบทเรียนและสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง นอกจากอุปสรรคของการไม่ต่อ เนื่องของบุคลากร/ครู/เจ้าหน้าที่ แล้ว ภาวะปัญหาการรุกรานทางวัฒนธรรมบริโภคของสังคมสมัยใหม่ผ่านสื่อสาธารณะต่างๆ มีผลกระทบอย่างมากต่อภาวะความแปรปรวน อ่อนแอ และสำนึกพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ของคนและชุมชนที่นับวันจะเหินห่างจากสำนึก ความรับผิดชอบต่อสังคม ทำให้มีความยากลำบากในการจัดกระบวนการเรียนการสอนให้กับเด็กและพัฒนาบุคลากร พอสมควร  
นักเรียนของโรงเรียนม่อนแสงดาวธรรมชาติวิทยา    แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม   ประกอบด้วย
(1.)       กลุ่มเด็กประจำ   เป็นกลุ่มเด็กผู้หญิงอายุ 12-18 ปีที่ประสบภาวะเสี่ยงจะถูกละเมิดสิทธิทางเพศ
ถูกทารุณกรรม  /แรงงานเด็ก/กำพร้า และผู้ปกครองยากจนไม่สามารถที่จะสนับสนุนให้สามารถได้รับการศึกษาได้   ซึ่งด้วยข้อจำกัดทางด้านงบประมาณและบุคคลากรทั้งที่ผ่านมาและปัจจุบันโรงเรียนม่อนแสงดาวฯ สามารถรับเด็กนักเรียนได้รุ่นละไม่เกิน 30 – 50 คน ซึ่งปัจจุบันปีการศึกษา  2554 เทอมรุ่นที่ 14  มีเด็กนักเรียนประจำอยู่ในโรงเรียนจำนวน  33 คน ประกอบด้วยที่เรียนในระดับมัธยมต้นจำนวน 18 คน และระดับมัธยมปลายจำนวน 15 คน 
ซึ่งจำนวนเด็กที่เข้ารับการศึกษาประจำในโรงเรียนม่อนแสงดาวฯ ตั้งแต่เริ่มต้นเปิดทำการมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2541 จนถึงปีการศึกษาที่ 1/ 2554 มีจำนวนเด็กทั้งสิ้น 178 คน ประกอบด้วยเด็กชนเผ่าพื้นที่สูง คือ ชนเผ่าอาข่า (อีก๊อ) ชนเผ่าม้ง (แม้ว) ชนเผ่าปกาญอ (กะเหรี่ยง) ชนเผ่าลาหู่ (มูเซอ) ชนเผ่าเมี่ยน (เย้า) ชนเผ่าลีซอและเด็กจากชนเผ่าล้านนาพื้นราบในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและพะเยา โดยเรียนจบจากโรงเรียนไปแล้วจำนวน 123 คน อีก 33 คนกำลังเรียนอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งพบว่าสามารถป้องกันเด็ก ผู้หญิงกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ไม่ให้ถูกผลักดันเข้าสู่ขบวนการค้าประเวณีได้ 100 %  และ การเรียนการสอนที่นี่ได้หล่อหลอมและขัดเกลาทั้งนิสัย และบุคลิกภาพของเด็ก ให้กลายเป็นผู้ที่มีความภาคภูมิใจในตนเอง กล้าแสดงออก และ มีจิตอาสาที่จะทำประโยชน์ชุมชนและสังคมต่อไป ตัวอย่างเช่น เด็กบางคนจากเด็กที่ไม่มีความกล้าหาญ ไม่มั่นใจตนเอง  สามารถ พัฒนาตนเองจนได้รับเลือกให้เป็นบุคลากรตัวอย่าง ผู้นำขององค์กร และหน่วยงาน เช่น ได้รับเลือกให้เป็นประธานเครือข่ายเยาวชนชนเผ่าเมี่ยนจังหวัดเชียงราย  เป็นเยาวชนตัวแทนของประเทศไทยในการไปประชุมแลก เปลี่ยนกับภาคีเครือข่ายเยาวชนจากภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ 7 ประเทศ คือ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา ลาว พม่า และไทย  เป็นต้น
(2.)       กลุ่มเด็กไม่ประจำ  เป็นกลุ่มเด็กทั้งหญิงและชายอายุ 10 -18 ปี ระดับประถมศึกษา-มัธมศึกษาที่
ยากไร้และด้อยโอกาสเช่นเดียวกัน แต่ยังสามารถอยู่อาศัยกับผู้ปกครอง/ครอบครัว/ชุมชนของตนเองได้ โดยได้เข้าร่วม
ผ่านกระบวน การค่ายพัฒนาเด็กและเยาวชนเพื่อเสริมสร้างความรู้ และจิตสำนึก ภายใต้ยุทธศาสตร์การป้องกันการละเมิดสิทธิเด็กจากขบวนการค้ามนุษย์และฝึกฝน พัฒนาให้เป็นเด็กมีคุณธรรมและกล้าทำความดีตามวิถีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 1,250 คน (พ.ศ.2541 – 2553)   นอกจากนี้ปัจจุบันยังมีเด็กที่ได้รับทุนการศึกษาในระดับอุดมศึกษา(มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย) จำนวน  2 คน   และปัจุบันปีการศึกษา 2554 กำลังจัดทำโครงการทุนการศึกษาฯเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ไม่ประจำแต่ประสบภาวะความยากไร้ระดับประถม-มัธมศึกษาทั้งชาย-หญิง  ซึ่งจากข้อมูลการสำรวจ/คัดเลือกเบื้องต้นมีเด็กที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกที่จะได้รับทุนการศึกษาในจำนวนกว่า 500 คน โดยสมาคมฯจะทำการระดมทุนจากผู้มีจิตศรัทธากุศลทั่วประเทศในโอกาสต่อไป

ระบบการเรียนการสอน
                โรงเรียนม่อนแสงดาวธรรมชาติวิทยา  มี ลักษณะการจัดสภาพให้เป็นชุมชนๆ หนึ่ง ผู้เรียนอยู่ประจำใช้ชีวิตในชุมชนแห่งนี้ร่วมกันคล้ายกับการใช้ชีวิตในหมู่ บ้านหรือชุมชนของตนเอง ดังนั้น ในกิจวัตรประจำวันจะเริ่มตั้งแต่ ๐๕.๐๐ น. ผู้เรียนตื่นขึ้นมาออกกำลังกายพร้อมกัน หลังจากนั้นกลุ่มเวรที่ทำอาหารก็จะแยกไปทำอาหาร (ซึ่งจะต้องดูแลการทำอาหารเลี้ยงตนเองและเพื่อนๆทั้ง๓มื้อ) ส่วนคนอื่นก็จะช่วยกันทำความสะอาดบริเวณโรงเรียน อาคารเรียน บ้านพัก เรือนพักรับรอง  ลงงานเกษตร  รับประทานอาหารตามกำหนดเวลา  การ ฝึกฝนทำสมาธิภาวนา และกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆตามตารางการเรียนในแต่ละภาคเรียนไปทั้งวันตลอดจน ในช่วงเย็นจนถึงค่ำก็จะมีเวลาสำหรับการทำกิจกรรมชมรมฯ และฝึกหัดงานวิชาชีพ การออกกำลังกาย รวมทั้งดูแลงานเกษตรตามกลุ่มของตนเองด้วย  ทั้งนี้ การปิดภาคเรียนจัดให้ยืดหยุ่นสอดคล้องกับฤดูการผลิต และเทศกาลสำคัญของท้องถิ่นและชนเผ่า   
การ บริหารจัดการภายในกลุ่มเด็กนักเรียนซึ่งทางโรงเรียนจะฝึกฝนและเปิดโอกาสให้ เด็กมีส่วนร่วมในการพัฒนาตนเอง ดูแล และรับผิดชอบตนเองและเพื่อน พี่น้องและสังคมในโรงเรียน/องค์กรทั้งหมดด้วยกระบวนการประชาธิปไตย โดยทั้งนี้ในแต่ละปีการศึกษาจะมีการคัดเลือกโดยวิธีการโหวตจากสมาชิกเด็ก ทั้งหมดซึ่งประกอบด้วย 3 กลุ่มงาน คือสภาเด็กนักเรียนม่อนแสงดาว คณะกรรมการบริหาร และคณะกรรมการบ้านพักเด็กนักเรียน 


งบประมาณ
โรงเรียน ม่อนแสงดาวฯ เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนหลักจากองค์การแตร์เดซอม ประเทศเยอรมัน ซึ่งเป็นองค์กร/แหล่งทุนเดียวที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องให้กับสมาคม สร้างสรรค์ชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่เริ่มจากโครงการด้านการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ป่า ดินน้ำและเกษตรปลอดสารพิษ (Eco-north) ในปีพ.ศ.2530 และ ต่อมาในปี2533 ก็เริ่มต้นสนับสนุนโครงการทุนการศึกษาเพื่อเด็กด้อยโอกาส (Eco -girl)และพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันในชื่อ ”โครงการพัฒนาศูนย์การศึกษาทางเลือกเพื่อคุ้มครองสิทธิเด็กภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย หรือ โรงเรียนเด็กม่อนแสงดาว” ซึ่งโครงการฯในเฟสนี้จะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2555 นอก จากนั้นก็จะเป็นรายได้ที่ได้จากการระดมทุนของสมาคมฯ เช่น การจัดนิทรรศการภาพเขียนของศิลปินประเทศไทยที่บริจาคให้สมาคมฯ และภาพเขียนของเด็ก /งานฝีมือสินค้าที่ระลึกต่างๆของเด็กและตลอดจนถึงการจำหน่ายพืชผัก สมุนไพร และของป่าที่อยู่ในบริเวณที่ทำการของโรงเรียน/ศูนย์ธรรมชาติศึกษาม่อนแสงดาว การบริจาคทั่วไปของบุคคล/องค์กร/หน่วยงานในท้องถิ่น

0 ความคิดเห็น: